“จะออกแบบห้องเองหรือจ้างดีไซน์เนอร์ดี?” เราเชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยมีคำถามนี้ อันนี้หมายถึงเจ้าของยูนิตคอนโดหรือห้องเดิมที่อยู่จนเบื่อแล้ว และอยากที่จะตกแต่งห้องใหม่ให้ดูดีขึ้น บทความนี้เรามีคำแนะนำมาให้ครับ
การที่เราจะตกแต่งห้องเองโดยไม่ต้องจ้างผู้ออกแบบ จะเหมาะกับสเกลงานของห้องที่ไม่ใหญ่ ไม่ต้องการอะไรซับซ้อนมาก หรือห้องเดิมเคยตกแต่งแล้วแต่เบื่อ อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ อัพลุคให้กับห้องเดิม อันนี้ เราแนะนำให้ลองตกแต่งเอง เพราะยุคนี้ อะไรๆง่ายขึ้นเยอะ และเราไม่ต้องเหนื่อยมากกับการหาข้อมูลเพราะเกือบทุกอย่างเราสามารถ search เลือกเองได้เลย
แต่ถ้าคุณต้องการรีโนเวทหรือตกแต่งห้องที่มีพื้นที่เยอะ มีฟังก์ชั่นการใช้งานซับซ้อน ต้องการเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินแบบเข้ากับพื้นที่เป๊ะๆ ถ้าแบบนั้น คงไม่ง่ายที่จะคิดเอง ออกแบบเอง เราแนะนำว่ายังไงก็ต้องใช้ผู้ออกแบบและผู้รับเหมาตกแต่งภายในมืออาชีพจะดีกว่า
ส่วนบทความนี้ เราจะมาแชร์ไอเดียสำหรับคนที่ต้องการตกแต่งพื้นที่ห้องเอง โดยเน้นไปที่การเลือกวัสดุที่เราสามารถเลือกสเปคที่ชอบ แล้วติดต่อให้คนมาทำให้ได้เลยโดยเราไม่ต้องไปจ้างผู้ออกแบบ ซึ่งแบบนี้เราจะสามารถเลือกจ้างผู้ชำนาญงานในแต่ละส่วน เข้ามาตกแต่งห้องให้เราในแบบและสเปควัสดุตามแบบที่เราชอบได้อย่างอิสระ ที่สำคัญ… รับรองว่าประหยัดงบประมาณไปได้เยอะเลย
พื้นที่ไม่มาก หรือห้องไม่ได้ตกแต่งมากมาย สวยแบบเรียบๆ อาจไม่ต้องจ้างมือคนออกแบบและผู้รับเหมาก็ได้
การตกแต่งพื้นที่ที่พักอาศัย โฮมออฟฟิศ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ร้านต่างๆให้ได้สไตล์หรือลุคต่างๆ ตามที่กำหนดคอนเซ็ปท์หรือธีมไว้ อาจเป็นแนว Luxury, Classic , Modern ,Contemporary, Modern Luxury หรือจะแนวไหนๆ แน่นอนว่านอกจากเฟอร์นิเจอร์ หรือพร็อพต่างๆที่เลือกมาจัดวางแล้ว ตัวห้อง พื้น ผนัง เพดาน เองก็มีส่วนสำคัญมากเช่นกัน
ถ้าเรียงลำดับการตกแต่งหลักๆ ก็จะมีในส่วนของพื้น ผนัง และเพดาน เรามาดูกันทีละส่วนได้เลย
1. พื้น
มีให้เลือกหลากหลายวัสดุมากๆ เราจะแบ่งกลุ่มหลักๆเป็น
- ไม้: มีทั้งไม้จริง ไม้ลามิเนต ไม้ปาร์เก้
- กระเบื้อง: กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแกรนิตโต้
- หิน: หินอ่อน หินแกรนิต
แล้วเลือกยังไงดี ทำไมเยอะอย่างนี้
เริ่มจาก เลือกให้เข้ากับห้องหลักๆของบ้าน
ห้องรับแขก ต้องเน้นความแข็งแรง ไม่เป็นรอยง่าย ควรเป็นกระเบื้องและเลือกขนาดกระเบื้องแผ่นใหญ่ สีเรียบๆ สีเดียว ให้ความปลอดโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด ไม่วุ่นวาย ไม่เน้นลวดลาย
ถ้าเป็นสีเรียบๆเช่นขาว ครีม เทาอ่อน จะเหมาะกับสไตล์โมเดิร์น คอนเทมฯ หรือมินิมอล ส่วนหินอ่อน หินแกรนิต ก็จะให้ความรู้สึกหรูหรามากขึ้น แต่ยังไงแล้ว ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์และพร็อพต่างๆไปในทางเดียวกัน เดี๋ยวจะหลุดธีมไปได้
จะเป็นหินอ่อนจริง หรือกระเบื้องลายหินอ่อน ต้องเลือกให้เข้ากับโทนของห้อง
สำหรับพื้นไม้ ถ้าเป็นไม้จริง จะไม่นิยมใช้สำหรับงานรีโนเวทเพราะค่อนข้างจะต้องใช้เวลาในการเตรียมพื้นและรื้อของเดิมออกค่อนข้างมาก แต่ก็ได้ความเป็นธรรมชาติและมีความทนทาน แต่ถ้าเลือกเป็นพื้นไม้ลามิเนต หรือไม้เทียมต่างๆ ควรต้องเลือกสเปคให้ดีๆ เอาที่มีการรับประกันที่ดี เพราะวัสดุพวกนี้ อาจจะไม่ทนเท่ากับไม้จริง บางทีโดนน้ำขังแป๊ปเดียวก็จะพองปูดขึ้นมาได้ แต่การเลือกใช้พื้นลายไม้ ก็จะได้ความเป็นธรรมชาติ ดูโฮมมี่ น่าอยู่ ซึ่งให้ฟีลแตกต่างจากการใช้กระเบื้องหรือหินมากพอสมควร
ห้องนอน เป็นห้องที่พื้นไม่ได้ถูกใช้งานหนักมากนัก เพราะส่วนใหญ่เราจะใช้ห้องนอนสำหรับการพักผ่อน พวกพื้นลายไม้จึงเป็นที่นิยมที่สุดสำหรับห้องนอน ส่วนข้อดีข้อเสียของพื้นไม้จริง กระเบื้องลายไม้ ไม้ลามิเนต หรือพื้นไม้ปาร์เก้ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป อาจต้องลองพิจารณาดูว่าแบบไหนเหมาะกับเรามากที่สุด
ถ้าไม่เป็นพื้นลายไม้ พวกกระเบื้องสี ลวดลายน้อยๆเรียบๆ เน้นที่ให้ลุคคลีนๆดูสะอาดตา ก็เป็นที่นิยมพอสมควร อย่างไรก็ตาม สำหรับห้องนอน ไม่ควรเลือกพื้นที่ลวดลายเยอะหรือสีจัดจ้านเกินไป เพราะพื้นที่นี้มีไว้พักผ่อน ควรต้องให้ดูสงบๆไว้ก่อน
ลายไม้ สีไม้ ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน เลือกให้ลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง
ห้องครัว ควรเน้นเลือกวัสดุที่ทำความสะอาดได้ง่าย ทนต่อคราบต่างๆ น้ำมัน ความร้อน รอยขีดข่วน น้ำ ความชื้น แนะนำเป็นกระเบื้องเซรามิก ทนความร้อนได้ ทำความสะอาดได้ง่าย หรือจะเป็นกระเบื้องยางก็ได้ แต่ควรเน้นที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย อย่าเลือกวัสดุที่มีความลื่นมากเกินไป และไม่แนะนำลวดลายเยอะๆ เพราะเวลาสกปรกเราจะมองไม่เห็น
สีเข้มพื้นเปื้อนจะมองไม่เห็น และระวังวัสดุที่เงาหรือลื่นเพราะเสี่ยงทำให้เกิดอันตรายได้
2. ผนัง
เป็นพื้นที่ที่เยอะที่สุดในการตกแต่งห้องเพราะมีหลายด้านและมองเห็นได้ชัด จริงๆเรามีบทความเปรียบเทียบวัสดุปิดผนังมาก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าสนใจ คลิ้กอ่านเพิ่มเติมได้เลย เปรียบเทียบ วัสดุปิดผนัง หินอ่อน กระจกติดผนัง วอลเปเปอร์
ส่วนในบทความนี้ เราจะขอนำเสนอการตกแต่งด้วยกระจกติดผนังที่ไม่ใช่กระจกเงาธรรมดา ถ้าไม่ธรรมดาแล้วมีอะไรบ้างล่ะ ที่จะทำให้กระจกติดผนังพิเศษยิ่งขึ้น ดูเรียบหรูยิ่งขึ้น?
เราขอนำเสนอระบบกระจกติดผนังแบบใหม่ ที่มีรูปแบบแพทเทิร์นเฉพาะตัวที่ผ่านการดีไซน์มาเป็นอย่างดี สามารถเลือกกระจกได้หลากหลายชนิดแถมยังสามารถผสมวัสดุหลายชนิดเข้าด้วยกันได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระจกเงาใส กระจกเงาสี กระจกลายหินอ่อน และกระจกลายโบราณ
นอกจากวัสดุกระจกที่หลากหลาย รูปแบบการตัด การจัดวาง ก็มีหลายรูปแบบเช่นกัน
horizon การจัดวางกระจกเป็นแนวตั้งตัดกับแนวนอน เรียบง่าย เรียบหรู
vertigo การจัดวางกระจกเป็นแนวตั้ง ตัดกับแนวเฉียง ผสมผสาน ความเรียบง่ายอย่างร่วมสมัย ด้วยลูกเล่นเส้นสายแนวเฉียงที่แทรกเข้ามา
free style การจัดวางกระจกเป็นแนวเฉียง คละขนาดกระจก ให้ความรู้สึก ผ่อนคลาย ไม่ทางการ ด้วยเส้นสายแนวเฉียงตัดกันไปมาคละขนาดกระจก เพิ่มมิติของผนังให้ดูโดดเด่น
ระหว่างรอยต่อกระจกเพิ่มเติมด้วยเส้นสายโลหะที่มีสีให้เลือก ขับผนังให้ดูมีอะไรมากขึ้น
ถ้าใครชอบการสร้างบรรยากาศด้วยแสงไฟ (Ambient Light) ก็จะมีการใส่ LED โดยเลือกได้ทั้งแสงสีขาว (Day Light) หรือ แสงสีเหลือง (Warm Light) เพิ่มเติมได้อีกด้วย
กระจกติดผนังเป็นวัสดุที่ลงตัวมากกับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย ห้องทำงาน ออฟฟิศสำนักงาน โรงพยาบาล สถานเสริมความงาม โรงแรม รีสอร์ท ล็อบบี้ ก็สามารถเลือกใช้ระบบผนังกระจก โดยเลือกรูปแบบและขนาดให้เข้ากับพื้นที่ พร้อมบริการติดตั้งเบ็ดเสร็จได้เลย
3. ฝ้าเพดาน
เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองข้ามหรือไม่ได้ทำอะไร เพราะไปเน้นส่วนที่เป็นพื้นกับผนังเป็นหลัก มาดูว่าฝ้าเพดานมีอะไรที่ควรต้องให้ความสำคัญบ้าง
การออกแบบฝ้าเพดานมีหลากหลายแบบ หลากหลายวัสดุ ไม่ว่าจะเป็นฝ้าลอยตัว เหล็ก อลูมิเนียม PVC โฟม ไม้ แต่เราจะคัดเฉพาะอะไรที่ใกล้ตัว เอาไปใช้ได้จริงได้ง่ายหน่อย
อย่างนี้บอกเลยท่ายาก คิดเองจ้างช่างมาคุมงานเอง เสี่ยงเลยแหละ
แบบยอดนิยมเป็นการเล่นระดับฝ้า ให้มีระดับที่ต่างกัน แล้วใส่ไฟหลุม
ปัจจุบันมีการใช้ LED เส้นมาเสริมบรรยากาศร่วมกับงานฝ้ามากขึ้น หรือจะใช้ทั้งไฟดาวน์ไลท์และ LED รวมกันก็ได้ การตกแต่งแบบนี้ดูดี เรียบง่าย มีลูกเล่นแต่ไม่เยอะเกินไป เข้าได้กับการตกแต่งทุกแนว ค่าใช้จ่ายไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการออกแบบฝ้าเพดานแบบอื่นๆ
เรียบๆ มีลูกเล่นบ้าง แค่นี้ก็ดูดีแบบเรียบหรูแล้ว
*สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ความสูงจากพื้นถึงเพดาน อย่างน้อยควรจะต้องมีเกือบๆ 3 เมตร ไม่อย่างนั้นจะทำให้เมื่อตบแต่งไปแล้ว ความสูงจากพื้นถึงเพดานก็จะน้อยลง จะดูอึดอัดไม่โปร่งโล่ง
ฝ้าไม้ ไม้จริง หรือไม้สังเคราะห์?
แล้วแต่งบประมาณและลวดลายไม้ที่ชอบ ให้ความรู้สึก อบอุ่น ผ่อนคลาย ให้ความเป็นธรรมชาติ เลือกสีไฟให้เข้ากับสีไม้จะช่วยสร้างบรรยากาศได้อย่างลงตัวเลย ฝ้าไม้ เข้าได้กับงานหลากหลายสไตล์การตกแต่ง ทำให้ห้องมีมิติและดูเป็นธรรมชาติ น่าอยู่ยิ่งขึ้น
*ต้องศึกษา เรื่องการติดตั้งให้ดี เพราะไม้บางชนิดมีน้ำหนักเยอะ และต้องเลือกช่างเฉพาะทางที่ชำนาญ
ถ้าไม่อยากเล่นท่ายาก เอาแค่ทาสี ก็โอเคนะ
มีรายละเอียดที่ต้องรู้ไว้ สำหรับผนังที่เป็นฝ้าเพดานฉาบเรียบ (แผ่นยิบซั่ม) ควรจะต้องเน้นให้ช่างทาสีรองพื้นก่อน เพราะว่าจะช่วยในการยึดเกาะของสีกับแผ่นยิบซั่มทนทานยิ่งขึ้น สีที่เลือกใช้ควรเป็นสีน้ำอะครีลิคชนิดฟิล์มสีด้านพิเศษ (สังเกตจะมีคำว่า Ceiling อยู่) เพราะจะลดแสงสะท้อนเมื่อเปิดไฟ และการเลือกสีด้านจะทำให้ฝ้าดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น
เลือกสีอะไร? เอาจริงๆก็มีให้เลือกหลายสีและเลือกได้ตามชอบ แต่สียอดนิยมจริงๆมีแค่ 2 สี คือสีขาวกับสีควันบุหรี่ ด้วยความที่เป็นสีโทนสว่าง จึงทำให้ห้องโปร่งโล่งและดูกว้างขึ้น แต่ถ้าคิดไม่ออก เราแนะนำให้ทาสีเทาควันบุหรี่ เพราะถ้าทาสีขาวจั๊วะเลย เวลาใช้ไปนานๆอาจเห็นเป็นรอยด่างสีเหลืองๆได้ และสีขาวถึงจะเป็นสีด้านแล้วก็อาจทำให้รู้สึกว่าแสงจ้าเกินไป
*แต่งานฝ้าไม่ว่าจะเป็นแบบไหน อยากให้ดูเรื่องการเซอร์วิสในอนาคต กรณีถ้าต้องเปลี่ยนหลอดไฟ หรือจะเป็นน้ำรั่ว ฝ้าบวม ฝ้าขึ้นรา ให้ดูไว้ตั้งแต่แรกว่าจะออกแบบยังไง ไม่ใช่สวยแค่ช่วงแรก
อธิบายพอหอมปากหอมคอสำหรับแนวทางการตกแต่งที่เจ้าของห้องพอจะนำไปเป็นไอเดียในการเลือกวัสดุพื้นฐานสำหรับการตกแต่งห้องด้วยตัวเอง ขอฝากไว้ว่าพยายามหาข้อมูลให้เยอะๆ เปรียบเทียบหลายๆออฟชั่น เช็คราคา เลือกความน่าไว้ใจของผู้ขายแต่ละรายอย่างละเอียดก่อนค่อยตัดสินใจ เพราะการตกแต่งห้องแต่ละครั้ง เป็นอะไรที่จะอยู่กับเราไปอีกนาน
ถ้าสนใจกระจกติดผนังที่มีให้เลือกหลายประเภท หลากหลายรูปแบบ พร้อมบริการติดตั้งโดยทีมงานมืออาชีพ เชิญอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย Mirrors for Wall Covering
หรือติดต่อเราได้ตามช่องทางเหล่านี้
Facebook: Glass is Good
Line: @glassisgood
Mobile: 063 373 3292 to 4