กระจกเงามีไฟสำหรับงานโครงการ

11/04/22
Beauty Mirror

กระจกเงามีไฟในความหมายที่จะสื่อสารในบทความนี้คือ กระจกเงาใสที่ใช้งานปรกติทั่วไปเพิ่มเติมด้วยการใส่ไฟ LED เส้น (LED strip) ไฟจะติดที่ด้านข้างหรือด้านหลังกระจก และจะมีแสง LED ส่องผ่านด้านหน้ากระจก ออกรอบกระจก (ด้านข้าง) แล้วแต่การออกแบบ

ซึ่งสามารถกำหนดได้ว่าจะให้แสงออกด้านหน้าอย่างเดียว ออกด้านข้างอย่างเดียว หรือแสงออกทั้งด้านหน้าและด้านข้าง รวมถึงอุณหภูมิของแสง หรือคนส่วนมากจะเรียกว่าหลอดไฟสี daylight, warm white, cool white

หลังๆมานี้ จะเห็นได้ว่าหลายๆสถานที่ ไม่ได้ใช่แค่กระจกเงาใสๆ แต่เพียงอย่างเดียว แต่จะมีการเพิ่มแสงไฟ LED ซึ่งช่วยทำให้พื้นที่ได้บรรยากาศดูดียิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ผู้ส่องกระจกเห็นภาพสะท้อนได้ชัดเจนมากขึ้น จึงทำให้สินค้าประเภทนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันกระจกเงามีไฟในตลาดเมืองไทยก็มีขายกันมากมายหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงที่ผลิตเองในประเทศไทยด้วย โดยมีราคาตั้งแต่ถูกไปจนถึงแพง ตัวละพันต้นๆไปถึงตัวละหลายหมื่นเลย

สินค้าที่ราคาถูกหรือแพง ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ เช่น โครงสร้างที่ไม่กันสนิม ค่า CRI (ความถูกต้องของสีหรือเรียกว่าสีไม่เพี้ยนไม่หลอกตา) ความถี่หรือจำนวนหลอด LED ต่อเมตร ค่ามาตราฐานการกันน้ำ คุณภาพของอุปกรณ์ระบบไฟต่างๆ นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องของออฟชั่นเสริมต่างๆเช่น ฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อบลูทูธ เซนเซอร์บอกอุณหภูมิ เวลา รวมถึงระบบการผลิต การตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่มีความเนี๊ยบในการผลิตแตกต่างกันไป ทำให้ราคาสินค้ามีความแตกต่างกันออกไป

บทความนี้เราจะขอเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจหรือกลุ่ม B2B (business to business) ที่มีความสนใจที่จะใช้กระจกเงามีไฟ ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่ม รีสอร์ท โรงแรม โดยใช้กระจกเงามีไฟติดในห้องพัก เพื่อทำให้พื้นที่ดูเรียบหรู ยกระดับห้องพักให้ตรงกับ position ที่แบรนด์กำหนดไว้ หรือลูกค้าบางกลุ่มต้องการทำ branding ก็ทำผ่านกระจกเงามีไฟได้ การใช้งานกระจกเงามีไฟส่วนใหญ่จะติดกระจกที่ห้องน้ำ บางแบรนด์อาจใช้สำหรับเป็น Dressing Mirror ก็ยังได้

แบรด์ที่ต้องการใช้กระจกเงามีไฟสำหรับงานโครงการ (หรือไม่ได้ใช้เองที่บ้าน) มีปัจจัยอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา

1. การติดต่อกับผู้ผลิต หรือผู้จัดจัดหน่าย

การสั่งสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมาใช้เอง ถ้าซื้อเยอะอาจได้ราคาสินค้าที่ถูก แต่อาจเจอกับสินค้าไม่ตรงปก ของจริงกับภาพไม่ตรงกัน หรือที่สำคัญเนื่องจากสินค้าประเภทนี้มีเรื่องระบบไฟฟ้าด้วย ดังนั้นการรับประกัน หรือการเคลมสินค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆที่จะต้องเช็คให้แน่ใจว่าจะติดต่อผู้ขายเมื่อเกิดปัญหาได้ ไม่งั้นจะโดดเดี่ยวมากหากใช้ไปสักพักแล้วต้องมีการเซอร์วิส

2. กรณีที่ใช้สินค้าจำนวนมาก

ควรให้ความสำคัญกับผู้ผลิตที่มีคุณภาพน่าเชื่อถือ อย่างน้อยก็ควรจะผลิตในรูปแบบโรงงานหรือบริษัทอย่างเป็นกิจลักษณะ มีการเลือก-ทดสอบอุปกรณ์ที่นำมาใช้ มีระบบการผลิต-ควบคุมคุณภาพอย่างมีมาตราฐาน โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ในงาน B2B ส่วนใหญ่จะมีชั่วโมงการใช้งานยาวนานกว่าใช้ในบ้านส่วนบุคคล ซึ่งพอชั่วโมงการใช้งานยาวนาน เราก็ต้องมั่นใจในคุณภาพสินค้าและกรรมวิธีการผลิตให้มากขึ้นเช่นกัน

3. ความสามารถในการผลิตสินค้าที่แตกต่าง ที่ทำให้สินค้าโดดเด่น

ขนาดสินค้าและรูปทรงสินค้า ต้องกำหนดได้ เพื่อให้เหมาะกับพื้นที่ที่จะติดกระจก
การออกแบบช่องแสง ให้มีเส้นสายแบบไหน ขนาดเท่าไหร่
logo หรือตราสินค้า ที่ต้องการสื่อสาร หรืออาจมีการตกแต่งด้วยสแตนเลส upgrade สินค้าให้มีลักษณะเฉพาะตัวได้อย่างที่เราต้องการ

4. ของถูกอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

การที่ใช้สินค้าจำนวนมาก เรื่องราคาเป็นเรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญและต้องพิจารณาควบคู่กับราคาคือคุณภาพของสินค้า การรับประกัน และอายุการใช้งาน

การเลือกใช้สินค้าที่ราคาต่ำมากๆ คุณภาพก็ตามราคา เมื่อลูกค้าของแบรนด์ใช้บริการ อาจเปิดแล้วไฟไม่ติดหรือไฟติดๆดับๆ ทำให้ส่งผลไม่ดีต่อแบรนด์ได้ ด้วยกลุ่มธุรกิจที่เลือกใช้กระจกเงามีไฟก็ต้องการยกระดับแบรด์ ดังนั้นต้องระวังเรื่องภาพลักษณ์ให้ดี

ตัวอย่างงานกระจกเงาโครงการ เป็นไอเดียในการใช้งาน

SPRING FIELD RESORT CHA-AM

AT NARES HOTEL

ขอสรุปการเลือกกระจกเงาสำหรับงานโครงการ

1. ไม่ควรนำเข้าสินค้าเอง ถ้าเป็นไปได้ควรติดต่อผู้จัดหน่ายแบบ face to face ได้เห็นสินค้าก่อนตัดสินใจ

2. สินค้าสำหรับ B2B ต้องใช้งานหนักกว่าสินค้าสำหรับ B2C ต้องเลือกสินค้าจากผู้ผลิตที่มีมาตราฐาน หรือตรวจสอบโรงงานให้มีมาตรฐาน

3. สินค้าที่โดดเด่นช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ จึงควรให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อยของสินค้า หรือออฟชั่นเสริมที่จะช่วยให้สินค้าเราดู exclusive ยิ่งขึ้น

4. สินค้าราคาถูกหรือราคาต่ำที่สุด อาจไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดี